
ถิ่นกาขาว ชาววิไล ...ไทยมหารัฐ ..จักรพรรดิราช / ตีความคำทำนายใหม่
โดย ลูกชาวนาไทย 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
คำทำนายกรุงรัตนโกสินท์ ผมคิดว่าคนไทยทุกคนคงได้ยินคำทำนายนี้ บางคนบอกว่าเป็นคำทำนายมาตั้งแต่ครั้งกรุงเก่า บางคนบอกว่าเป็นของท่านสมเด็จโต สมัยรัชกาลที่ห้า ผมไม่รู้เหมือนกันว่า ความจริงเป็นอย่างไร แต่คำทำนายที่ได้ยิน มี 10 ยุค
แต่จริงๆ แล้ว มีคำทำนายต่ออีกสองยุค ไม่รู้เพิ่มเติมขึ้นมาเมื่อไหร่
คำทำนายยุคที่ 9 และ 10 คือ
...ยุคถิ่นกาขาว (เห็นผิดเป็นชอบ)...ยุคชาววิไล (ประชาชนเป็นใหญ่)
มีคำทำนายต่อไปอีกสองยุค ผมขอตีความตาม "ญาณทัศนะ"ของผมเอง"
..ยุคไทยมหารัฐ (ผมคิดว่า "มหาชนรัฐ" น่าจะถูกต้องกว่า)
..ยุคจักรพรรดิราช
คำ ว่าจักรพรรดิ มาจากโรมันว่า Emperor รากศัพท์มาจาก Imperator หรือแปลว่า "แม่ทัพผู้พิชิต" คำว่า Emperor ไม่ได้หมายถึง king หรือ King of the King
โรมัน เดิมเป็น Republic ยุคซีซาร์มีอิทธิพล แต่ไม่กล้าสถาปนาตัวเองเป็นกษัตริย์ (Rex) ้เพราะคนโรมันเกลียดกษัตริย์ หลานของซีซ่าคือ ออกุสตุส ได้อำนาจต่อมา ก็ไม่กล้าเป็นกษัตริย์ เลยเรียกว่า Preceps (รากศัพท์ของคำว่า prince หรือเจ้า) หรือแปลว่า First citizen ต่อมาใช้คำว่า Emperor มาจากการเลือกตั้งของสภา Senate ไม่ได้สืบสันติวงศ์
คำว่า Emperor จึงหมายถึง ประมุขของรัฐที่มาจากการเลือกตั้ง (เทอมของโรมันคือตลอดชีวิต)ต่อ มาอีก 1,600 ปี อเมริกันตั้งประเทศใหม่ จอร์จ วอชิงตัน ไม่ต้องการเป็นกษัตริย์ อเมริกันก็เอาระบบโรมันมาใช้ มีสภาซีเนต สภาล่าง และมี "ผู้บริหาร" ที่เรียกว่า ประธานาธิบดี
ยุคที่อเมริกาตั้ง ประเทศ ประมุขของรัฐมีแต่ กษัตริย์ กับ จักรพรรดิ (Emperor) แต่ Emperor ยุคนั้น เพี้ยนไปหมดแล้ว เพราะมี Emperor ของ Holy Roman Empire ของ ออสเตรีย-ฮังการี ของรัสเซีย ที่สภาพก็คือ King คือสืบสันติวงษ์ ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง (ทางอ้อมเหมือนโรมัน) จึงไม่ได้เป็น Emperor ในความหมายของโรมัน เพียงแต่เอาชื่อมาใช้ เพราะจักรวรรดิ์โรมันนั้นยิ่งใหญ่ครองโลกโบราณ Emperor โรมันจึงยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์ (ก็เหมือนประธานาธิบดีอเมริกายุคนี้ที่ยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์) โลกหลังยุคโรมันจึงเอาคำว่า Emperor มาใช้เป็นชื่อเรียกตำแหน่งของตน แต่ก็คือกษัตริย์นั่นเอง เพราะสืบสันติวงษ์
อเมริกันยืมระบบของโรมัน มาใช้ จึงใช้ชื่อผู้นำประเทศของตนว่า President ไม่ใช่ Emperor เหมือนของโรมัน แต่โครงสร้าง อำนาจ ระบบการเมืองเหมือนโรมันทุกอย่าง แต่ President มีวาระคือ 4 ปี ไม่เหมือน Emperor ของโรมันที่อยู่ตลอดชีวิต
ดังนั้น คำทำนายกรุงรัตนโกสินทร์ อาจไม่ได้เหมือนพวกจักร์ๆ วงศ์ ๆ คิดก็ได้
ยุค จักรพรรดิราช ตามคติพุทธ/พรหมณ์ คือ ผู้ครองโลก ครองครึ่งเดียว ก็ไม่เรียกจักรพรรดิราช ต้องปกครองทั้งโลก ประเทศไทยจะเป็นมหาอำนาจ เจ้าโลกแบบอเมริกันนั้นผมจึงยังมองไม่เห็นในอีก 1,000 ปี ข้างหน้า
ดังนั้น "ยุคจักรพรรดิราช" จึงอาจตีความหมายได้ตามรากศัพท์เดิมของโรมัน ที่คือรากฐานของคำว่า จักรพรรดิจริงๆ ก็ได้
เขียนเรื่องไร้สาระแบบคำทำนายนี้สนุก ขอเขียนต่อตามญาณทัสนะของผมเองอีกนิด
ใครลองค้นดูเรื่องคำทำนาย จากกรูเกิลดู เขามีทำนายต่ออีกสองยุคจริงๆ การตีความของพวกจักรๆ วงษ์นั้นเพ้อฝันแบบไม่น่าเป็นไปได้
ยุคไทยมหารัฐ
หากตีความตามพวกรักชาติสุดกู่ ก็จะคิดว่า "ประเทศไทยจะเป็นมหาอำนาจ" ซึ่งหากมองตามสภาพความเป็นจริงแล้ว มันเป็นเรื่องเพ้อฝันมากกว่า
คำ ว่า "มหารัฐ" น่าจะตีความว่าเป็นระบอบปกครองมากว่า เพราะยุคนี้ต่อจากยุค "ชาววิไล" คือประชาชนมีวัฒนธรรม เจริญขึ้น ย่อมไม่ยอมให้มีระบอบอำมาตยาธิปไตยอีกต่อไป น่าจะเป็นยุคประชาธิปไตยเฟื่องฟู
คำว่า "มหารัฐ" อาจตีความได้ใหม่ว่า "มหาชนรัฐ" ซึ่งคือ รัฐที่ประชาชนเป็นใหญ่ อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง ไม่มีใครแอบอ้างเอาไปเป็นของตัวเอง หรือใช้แทนประชาชน โดยไม่ได้ถามประชาชน
ตีความอยางนี้อาจใกล้เคียงมากกว่า ตีความว่า "ไทยมหารัฐ" คือ ประเทศไทยเป็น "ประเทศมหาอำนาจ"
คำว่า "มหาชนรัฐ" ภาษาอังกฤษผมไม่อยากแปล มันอาจแสลงใจของคนบางกลุ่ม
เพล โต เขียนหนังสือที่โด่งดังมาเมื่อ 2,000 ปี ที่แล้วคือ หนังสือ The Republic อธิบายถึงระบอบการปกครอง ที่ประชาชนปกครองกันเอง แต่ประชาธิปไตยชอง เพลโต เป็นประชาธิปไตย "ทางตรง" ไม่มีผู้แทน คือ ประชาชนทุกคน มีสิทธิลงคะแนนเสียงแบบ สส. ในการบริหารรัฐ หรือเมืองของตน
หากไม่มีรัฐประหาร ปี 2549 แล้วเกิดปรากฎการณ์ "ตาสว่าง" กันทั้งประเทศ และนำมาสู่ Bangkok Massacres (การสังหารหมู่ที่กรุงเทพ)
และผมยังเป็น "สาวกลัทธิซาบซึ้ง" อยู่ ผมก็จะตีความตามกระแสเดิมของพวก "คลั่งชาติ"
คือ
ยุคถิ่นกาขาว ... คือยุคมีฝรั่งเข้ามาประเทศมากยุคชาววิไล ... ประเทศไทยมีความเจริญประชาชนกินดีอยู่ดี ใช้ชีวิตอย่างพอเพียงยุคไทยมหารัฐ ... คือ ประเทศไทยเป็นมหาอำนาจยุคจักรพรรดิราช... ผู้ปกครองของไทยยุคนั้นเป็นใหญ่ที่สุดในโลก จนเป็นพระเจ้าจักรพรรดิราช ตามคติพุทธ/พราหมณ์
นี่คือการตีความกระแสเดิม ก่อนปี 2549ก่อนหน้านี้ ไม่เคยมี "จินตนภาพ หรือจินตนาการได้ว่ามันจะออกมาอย่างที่ผมตีความตาม "ญาญทัสนะ" ของผมเองเลย
สรุปคือ การตีความนี้น่าจะถูกต้อง
ถิ่นกาขาว.....เห็นผิดเป็นชอบชาววิไล...... ประชาชนตาสว่างเกิดการปฎิวัติประชาชนไทยมหารัฐ...เกิดระบบมหาชนรัฐจักรพรรดิราช...ผู้ปกครองเปลี่ยนเป็น Emperor ตามแบบคติของโรมัน แต่ืใช่ชื่อตำแหน่งเหมือน USA
ลองพิจารณาดูนะครับว่า การตีความตามพวกซาบซึ้งเดิม กับการตีความแบบใหม่ อย่างไหน จะมีความเป็นไปได้มากกว่ากัน
โดย ลูกชาวนาไทย 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
คำทำนายกรุงรัตนโกสินท์ ผมคิดว่าคนไทยทุกคนคงได้ยินคำทำนายนี้ บางคนบอกว่าเป็นคำทำนายมาตั้งแต่ครั้งกรุงเก่า บางคนบอกว่าเป็นของท่านสมเด็จโต สมัยรัชกาลที่ห้า ผมไม่รู้เหมือนกันว่า ความจริงเป็นอย่างไร แต่คำทำนายที่ได้ยิน มี 10 ยุค
แต่จริงๆ แล้ว มีคำทำนายต่ออีกสองยุค ไม่รู้เพิ่มเติมขึ้นมาเมื่อไหร่
คำทำนายยุคที่ 9 และ 10 คือ
...ยุคถิ่นกาขาว (เห็นผิดเป็นชอบ)...ยุคชาววิไล (ประชาชนเป็นใหญ่)
มีคำทำนายต่อไปอีกสองยุค ผมขอตีความตาม "ญาณทัศนะ"ของผมเอง"
..ยุคไทยมหารัฐ (ผมคิดว่า "มหาชนรัฐ" น่าจะถูกต้องกว่า)
..ยุคจักรพรรดิราช
คำ ว่าจักรพรรดิ มาจากโรมันว่า Emperor รากศัพท์มาจาก Imperator หรือแปลว่า "แม่ทัพผู้พิชิต" คำว่า Emperor ไม่ได้หมายถึง king หรือ King of the King
โรมัน เดิมเป็น Republic ยุคซีซาร์มีอิทธิพล แต่ไม่กล้าสถาปนาตัวเองเป็นกษัตริย์ (Rex) ้เพราะคนโรมันเกลียดกษัตริย์ หลานของซีซ่าคือ ออกุสตุส ได้อำนาจต่อมา ก็ไม่กล้าเป็นกษัตริย์ เลยเรียกว่า Preceps (รากศัพท์ของคำว่า prince หรือเจ้า) หรือแปลว่า First citizen ต่อมาใช้คำว่า Emperor มาจากการเลือกตั้งของสภา Senate ไม่ได้สืบสันติวงศ์
คำว่า Emperor จึงหมายถึง ประมุขของรัฐที่มาจากการเลือกตั้ง (เทอมของโรมันคือตลอดชีวิต)ต่อ มาอีก 1,600 ปี อเมริกันตั้งประเทศใหม่ จอร์จ วอชิงตัน ไม่ต้องการเป็นกษัตริย์ อเมริกันก็เอาระบบโรมันมาใช้ มีสภาซีเนต สภาล่าง และมี "ผู้บริหาร" ที่เรียกว่า ประธานาธิบดี
ยุคที่อเมริกาตั้ง ประเทศ ประมุขของรัฐมีแต่ กษัตริย์ กับ จักรพรรดิ (Emperor) แต่ Emperor ยุคนั้น เพี้ยนไปหมดแล้ว เพราะมี Emperor ของ Holy Roman Empire ของ ออสเตรีย-ฮังการี ของรัสเซีย ที่สภาพก็คือ King คือสืบสันติวงษ์ ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง (ทางอ้อมเหมือนโรมัน) จึงไม่ได้เป็น Emperor ในความหมายของโรมัน เพียงแต่เอาชื่อมาใช้ เพราะจักรวรรดิ์โรมันนั้นยิ่งใหญ่ครองโลกโบราณ Emperor โรมันจึงยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์ (ก็เหมือนประธานาธิบดีอเมริกายุคนี้ที่ยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์) โลกหลังยุคโรมันจึงเอาคำว่า Emperor มาใช้เป็นชื่อเรียกตำแหน่งของตน แต่ก็คือกษัตริย์นั่นเอง เพราะสืบสันติวงษ์
อเมริกันยืมระบบของโรมัน มาใช้ จึงใช้ชื่อผู้นำประเทศของตนว่า President ไม่ใช่ Emperor เหมือนของโรมัน แต่โครงสร้าง อำนาจ ระบบการเมืองเหมือนโรมันทุกอย่าง แต่ President มีวาระคือ 4 ปี ไม่เหมือน Emperor ของโรมันที่อยู่ตลอดชีวิต
ดังนั้น คำทำนายกรุงรัตนโกสินทร์ อาจไม่ได้เหมือนพวกจักร์ๆ วงศ์ ๆ คิดก็ได้
ยุค จักรพรรดิราช ตามคติพุทธ/พรหมณ์ คือ ผู้ครองโลก ครองครึ่งเดียว ก็ไม่เรียกจักรพรรดิราช ต้องปกครองทั้งโลก ประเทศไทยจะเป็นมหาอำนาจ เจ้าโลกแบบอเมริกันนั้นผมจึงยังมองไม่เห็นในอีก 1,000 ปี ข้างหน้า
ดังนั้น "ยุคจักรพรรดิราช" จึงอาจตีความหมายได้ตามรากศัพท์เดิมของโรมัน ที่คือรากฐานของคำว่า จักรพรรดิจริงๆ ก็ได้
เขียนเรื่องไร้สาระแบบคำทำนายนี้สนุก ขอเขียนต่อตามญาณทัสนะของผมเองอีกนิด
ใครลองค้นดูเรื่องคำทำนาย จากกรูเกิลดู เขามีทำนายต่ออีกสองยุคจริงๆ การตีความของพวกจักรๆ วงษ์นั้นเพ้อฝันแบบไม่น่าเป็นไปได้
ยุคไทยมหารัฐ
หากตีความตามพวกรักชาติสุดกู่ ก็จะคิดว่า "ประเทศไทยจะเป็นมหาอำนาจ" ซึ่งหากมองตามสภาพความเป็นจริงแล้ว มันเป็นเรื่องเพ้อฝันมากกว่า
คำ ว่า "มหารัฐ" น่าจะตีความว่าเป็นระบอบปกครองมากว่า เพราะยุคนี้ต่อจากยุค "ชาววิไล" คือประชาชนมีวัฒนธรรม เจริญขึ้น ย่อมไม่ยอมให้มีระบอบอำมาตยาธิปไตยอีกต่อไป น่าจะเป็นยุคประชาธิปไตยเฟื่องฟู
คำว่า "มหารัฐ" อาจตีความได้ใหม่ว่า "มหาชนรัฐ" ซึ่งคือ รัฐที่ประชาชนเป็นใหญ่ อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง ไม่มีใครแอบอ้างเอาไปเป็นของตัวเอง หรือใช้แทนประชาชน โดยไม่ได้ถามประชาชน
ตีความอยางนี้อาจใกล้เคียงมากกว่า ตีความว่า "ไทยมหารัฐ" คือ ประเทศไทยเป็น "ประเทศมหาอำนาจ"
คำว่า "มหาชนรัฐ" ภาษาอังกฤษผมไม่อยากแปล มันอาจแสลงใจของคนบางกลุ่ม
เพล โต เขียนหนังสือที่โด่งดังมาเมื่อ 2,000 ปี ที่แล้วคือ หนังสือ The Republic อธิบายถึงระบอบการปกครอง ที่ประชาชนปกครองกันเอง แต่ประชาธิปไตยชอง เพลโต เป็นประชาธิปไตย "ทางตรง" ไม่มีผู้แทน คือ ประชาชนทุกคน มีสิทธิลงคะแนนเสียงแบบ สส. ในการบริหารรัฐ หรือเมืองของตน
หากไม่มีรัฐประหาร ปี 2549 แล้วเกิดปรากฎการณ์ "ตาสว่าง" กันทั้งประเทศ และนำมาสู่ Bangkok Massacres (การสังหารหมู่ที่กรุงเทพ)
และผมยังเป็น "สาวกลัทธิซาบซึ้ง" อยู่ ผมก็จะตีความตามกระแสเดิมของพวก "คลั่งชาติ"
คือ
ยุคถิ่นกาขาว ... คือยุคมีฝรั่งเข้ามาประเทศมากยุคชาววิไล ... ประเทศไทยมีความเจริญประชาชนกินดีอยู่ดี ใช้ชีวิตอย่างพอเพียงยุคไทยมหารัฐ ... คือ ประเทศไทยเป็นมหาอำนาจยุคจักรพรรดิราช... ผู้ปกครองของไทยยุคนั้นเป็นใหญ่ที่สุดในโลก จนเป็นพระเจ้าจักรพรรดิราช ตามคติพุทธ/พราหมณ์
นี่คือการตีความกระแสเดิม ก่อนปี 2549ก่อนหน้านี้ ไม่เคยมี "จินตนภาพ หรือจินตนาการได้ว่ามันจะออกมาอย่างที่ผมตีความตาม "ญาญทัสนะ" ของผมเองเลย
สรุปคือ การตีความนี้น่าจะถูกต้อง
ถิ่นกาขาว.....เห็นผิดเป็นชอบชาววิไล...... ประชาชนตาสว่างเกิดการปฎิวัติประชาชนไทยมหารัฐ...เกิดระบบมหาชนรัฐจักรพรรดิราช...ผู้ปกครองเปลี่ยนเป็น Emperor ตามแบบคติของโรมัน แต่ืใช่ชื่อตำแหน่งเหมือน USA
ลองพิจารณาดูนะครับว่า การตีความตามพวกซาบซึ้งเดิม กับการตีความแบบใหม่ อย่างไหน จะมีความเป็นไปได้มากกว่ากัน

ไปถึงยุคโรมันกันเลยทีเดียว พ.ศ กับ ค.ศ ก็ต่างกันตั้งห้าร้อยกว่าปีแล้ว แต่ที่ว่ามาก็น่าสนนะ เพิ่งรูเหมือนกันว่า พระเจ้าจุปิเตอร์ สนใจประเทศสยามด้วย อีกน่อยคง ชวน ซุส แห่งกรีซมาทำนายอีกองค์ บลาๆๆๆๆ 555
ตอบลบ